30 / 04 / 2024
“Santa Cruz” – The Mountain Bike Legend

“Santa Cruz” – The Mountain Bike Legend

นับตั้งแต่ในอดีตที่เสือภูเขารุ่งเรือง ปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา จักรยานประเภทนี้ได้มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จากต้นกำเนิดของเสือภูเขาที่ได้นำเอาจักรยานปั่นริมชายหาด (Cruiser) มาถอดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น แล้วนำชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น เบรก แฮนด์ ชิฟเตอร์ ฯลฯ ผสมเข้าไป กลายเป็น “Klunker” เพื่อใช้ปั่นลงเขา ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แพร่กระจายสู่นักปั่นทั่วโลก

จักรยาน Klunker ในยุคแรก


Gary Fisher ในช่วงปี 1980 ยุคที่จักรยานเสือภูเขารุ่งเรืองเป็นอย่างมาก

จาก Klunker เฟรมโค้ง ในปี ค.ศ. 1970 มาสู่เสือภูเขาเฟรมทรง Diamond ปี ค.ศ. 1980 ใช้โช้คหน้าแทนตะเกียบเพื่อลดแรงกระเทือน (Hardtail) และอีก 10 ปีต่อมา เสือภูเขาก็ก้าวเข้าสู่ยุค Full-Suspension อย่างเต็มตัว มีการนำโช้คมาเสริมที่ตัวเฟรมเพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกที่ยังคงหลงเหลือจากโช้คหน้า

Santa Cruz Bicycles เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1993 ในเมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นยุคทองของเสือภูเขาในขณะนั้น ซึ่งมีระบบกันสะเทือนเพียงโช้คหน้า จะว่าไปทีมผู้ก่อตั้ง Santa Cruz เอง ก็คุ้นเคยกับระบบโช้คของเสือภูเขาอยู่แล้ว จึงได้สร้างจักรยานเสือภูเขาที่ทำให้ปั่นสนุกขึ้น ควบคุมง่ายขึ้น และเสือภูเขาคันแรกจาก Santa Cruz Bicycles ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ในรุ่นที่มีชื่อว่า “ Tazmon” ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการจักรยานเสือภูเขาครั้งแรกที่เป็นแบบ Full-suspension ด้วยเทคโนโลยี Single-pivot ร่วมกับโช้คหน้าที่มีระยะยุบ 80mm.

“Tazmon” เสือภูเขารุ่นแรกของโลกที่เป็นระบบ Full-suspension จาก Santa Cruz

จาก Single-pivot ในวันนั้นมาถึงวันนี้ ระบบรองรับแรงสะเทือนได้พัฒนาใหม่ กลายเป็น Virtual Pivot Point (VPP) Santa Cruz ก็ยังไม่หยุดการพัฒนา ยังคงมุ่งเน้นสร้าง “จักรยานคุณภาพ” อย่างต่อเนื่อง ทุกรุ่นของ Santa Cruz ใช้วัสดุเกรดสูง ผลิตในโรงงานของตัวเอง เพื่อสร้างจักรยานที่ทนทาน มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะคุณภาพของจักรยานที่ดีหมายถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับนักปั่นนั่นเอง

ด้วยแนวคิดที่ว่า “จักรยานที่ดีต้องทนทาน ใช้ได้อย่างหนักหน่วง ปั่นได้บ่อยๆ Santa Cruz Bicycles จึงทำงานอย่างหนักในการออกแบบและสร้างจักรยานขึ้นมา เพื่อให้ควบคุมง่ายสำหรับนักปั่น และลดความผิดพลาดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการดูแล และง่ายสำหรับการซ่อมบำรุงของช่างจักรยาน

Santa Cruz รุ่น 5010

หนึ่งในรุ่นยอดนิยมจาก Santa Cruz เป็นเสือภูเขาประเภท Full Suspension ที่ปั่นง่าย ปั่นสนุก ใครได้ลองต้องติดใจทุกราย คล่องตัว จัดอยู่ในกลุ่ม Trail Bike  ด้วยการออกแบบให้มีช่วงยุบ 140mm. สำหรับโช้คหน้า และ 130mm. สำหรับโช้คกลาง (ที่ตัวเฟรม) ใช้ล้อขนาด 27.5” ถ้าเราดูระยะยุบทั้งหน้าและหลัง ก็ถือว่ากำลังสนุก ไปได้ทุกที่ ทั้ง Single Track และ Trial ธรรมชาติ ซึ่งเสือภูเขาส่วนใหญ่ที่วางขายกันทั่วไป มักจัดอยู่ในประเภท XC Cross Country ใช้โช้คหน้าระยะยุบ 100 และ 120mm. ที่จริงก็พอเพียงกับการปั่นทั่วไป ลุยทางกรวด ป่าละเมาะ ริมธาร แต่ถ้านำไปใช้ในทางป่า ฝ่าอุปสรรค เช่น หินลอย รากไม้ ร่องน้ำ การที่เราได้ระยะยุบเพิ่มขึ้นอีกนิด ก็จะเป็นการช่วยทำให้เราควบคุมจักรยานได้ดีขึ้น สนุกขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

ทดสอบลงสนามจริง กับ Santa Cruz 5010

โดย Game Passakorn

** หมายเหตุ ** ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าผมเคยปั่นจักรยานเสือภูเขาประเภท XC : Hardtail และ Full-Sus มาแล้วบ้าง แต่อยู่ในระดับ Beginner เท่านั้น ไม่ใช่ ผู้เชี่ยวชาญชำนาญในการปั่นจักรยานเสือภูเขาแต่อย่างใด

ก่อนเข้าสู่เส้นทาง XC ผมต้องปั่น 5010 คันนี้ ไปบนถนนลาดยาง ในระยะทางราวๆ 7-8 กิโลเมตร เรียกว่ากำลังดีในการทดสอบทางถนนว่าจะเป็นยังไง ผลที่ได้คือ ผมก็ไม่ได้แปลกใจว่ามันต้องมีอาการยวบยาบบ้าง (Bobbing) เมื่อเรากดบันไดหนักๆ ซึ่งเป็นปกติของเสือภูเขา Full-Sus แต่เมื่อผมปรับโช้คให้ยุบน้อย คืนไว อาการยวบก็ยังเหลืออยู่แต่เรียกว่าน้อย วิธีแก้อยู่ที่เทคนิคการปั่น โดยเราต้องปรับมาใช้วิธีควงขาแบบเสือหมอบ ก็จะลดอาการ Bobbing ลงไปได้

เมื่อเริ่มเข้า Singl Track ความรู้สึกเก่าๆ สมัยที่ใช้ Full-Sus XC กลับมาเต็มๆ ความปราดเปรียว ความคล่องตัว การควบคุม ถือว่ายอดเยี่ยม ไม่นึกว่า Santa Cruz 5010 จะทำให้ดีขนาดนี้ โดยเฉพาะการควบคุมที่เฉียบคมมาก ซึ่งผมคิดส่วนหนึ่งมาจาก Geometry การออกแบบเฟรมที่ทำให้เราควบคุมได้ง่าย และการใช้แฮนด์ที่กว้างและสเต็มที่สั้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

คนเรามักจะตื่นเต้นกับประสบการณ์ครั้งแรก ผมเองก็เช่นกัน เมื่อต้องปั่นจักรยานลงเขาชันในทางแทรคที่ไม่เคยปั่นมาก่อน ผมปรับรีบาวน์ของโช้คทั้ง 2 ตัวให้มาอยู่ค่ากลางๆ นิ้วชี้สองข้างแตะเบรคเบาๆ ที่เหลือแล้วแต่กุศลกรรม แต่สติยังตั้งมั่น แล้วผมก็ปล่อยจักรยานไหลลงเขาไป….ผลคือ สายลมเย็นสบาย ความรู้สึกที่นิ่งและมั่นคงของจักรยานคันนี้ มันทำให้ผมมั่นใจ เพราะควบคุมรถง่ายมาก นิ่งมาก แม้บางช่วงล้อจะลอยจากพื้นดินก็ยังเอาอยู่ แต่ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากยาง Maxxis Minion DHF ขนาด 27.5×2.4” นั่นเอง เพราะเป็นยางขึ้นชื่อเรื่องการยึดเกาะพื้นผิวได้ดีมาก

ปั่นจบทริปราวๆ 40 กิโลเมตร ผมหายแปลกใจว่าทำไมแชมป์โลกและนักปั่นหลายๆ คน เฉพาะเจาะจงเลือกใช้แต่ Santa Cruz เท่านั้น คุณเองก็อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าได้ลองแล้ว คุณก็จะไม่ไปยี่ห้อไหนอีก

    blog-s