07 / 02 / 2025
ชัยชนะบนเส้นทางนี้ ไม่มีง่าย Paris-Roubaix กับ Cervélo Caledonia

คว้าชัยชนะ บนเส้นทางนี้ไม่มีง่าย Paris-Roubaix

สู่ชัยชนะ Sunday in Hell บนเส้นทางสุดโหด กับ Cervélo Caledonia-5

Paris-Roubaix (ปารีส–รูแบซ์)

หนึ่งในรายการแข่งขันจักรยานที่ผู้ชมทั่วโลกและแฟนๆ ตั้งหน้าตั้งตารอ ไม่แพ้รายการแข่งจักรยานไหนๆ เป็นการแข่งขันประเภทวันเดียวจบ บนเส้นทางสุดโหด มีความเก่าแก่ไม่แพ้ Tour de France โดย Paris-Roubaix จัดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1896 เริ่มจาก Paris ไปสิ้นสุดที่เมือง Roubaix ชายแดนประเทศเบลเยียม ในระยะทางราวๆ 250-300 กิโลเมตร ด้วยความโหดจึงได้รับการขนานนามในชื่อต่างๆ เช่น “Hell of the North” และ “Sunday in Hell

ด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังของความคลาสสิคที่จัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน 100 กว่าปี มีทีมจากหลายประเทศทั่วโลกเข้าร่วม แข่งกันบนเส้นทางสุดโหด แต่งดงามเกินบรรยายของประเทศฝรั่งเศส จึงสะกดสายตาผู้ชมอยู่ไม่น้อย แถมบรรยากาศกองเชียร์ผู้ชมสองข้างทางสุดมันส์อีก

ด้วยความพิเศษของ Paris-Roubaix คือ แข่งกันบนถนนที่ปูด้วยหินแบบโบราณที่ใช้มาเป็นร้อยปี (Cobblestone Road) ซึ่งถนนแบบนี้หาความเรียบไม่เจอ แข็งเป็นหินสมชื่อ ปั่นผ่านแต่ละฟุตสะเทือนเลื่อนลั่นกระแทกจากมือขึ้นหัว ถ้าจักรยานไม่แกร่งจริงมีพังแน่นอน น็อตทุกตัวต้องขันให้แน่น ขายึดกระบอกน้ำต้องดีจริงๆ ไม่งั้นกระเด้งกระดอนหลุดกระจายหมด อุบัติเหตุเกิดได้ทุกวินาที มีแต่ความตื่นเต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การแข่งขัน Paris-Roubaix จึงมีผู้คนเฝ้ารอชมกันมากเป็นพิเศษ

 

 

ความยิ่งใหญ่ของ Paris-Roubaix

การแข่งขันจักรยาน Paris–Roubaix มีเงินสะพัดไม่ต่างจากการแข่งขันกีฬาระดับโลกอื่นๆ ทั้งจากสปอนเซอร์ที่ลงให้กับทีม แบรนด์จักรยานเองก็ลงทุนไม่น้อย มีการคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพิสูจน์ความสามารถและประสิทธิภาพของจักรยานแต่ละรุ่นที่ใช้ลงแข่ง ที่ผ่านมาเราได้เห็นนวัตกรรมแปลกใหม่จากหลายๆ ค่ายจักรยาน เช่น การใส่บูทยางไว้ในส่วนต่างๆ ของเฟรมและอุปกรณ์ เช่น แฮนด์ สเต็ม หลักอาน และตะเกียบ-หางหลัง ถึงขนาดที่ว่ามีหลายแบรนด์ออกรุ่นที่ใช้ชื่อว่า “Roubaix” เพื่อลงแข่งในรายการนี้

ที่จริงยังมีอีกหลายรายการแข่งขันที่ใช้เส้นทาง Cobblestone นี้ด้วยเช่นกัน เช่น Tour of Flanders, E3 Harelbeke, Gent – Wevelgem ในประเทศเบลเยี่ยม และอีกหลายรายการในฝรั่งเศส

สำหรับทีม Jumbo-Visma (2022) เลือกใช้จักรยานคู่กายจากแบรนด์ Cervélo เทพแห่งแอโรไดมิคส์ เซียนแห่งการวางลำดับชั้นคาร์บอนไฟเบอร์ (Layer-Carbon Fiber) หลายคนทั้งทีมชายและทีมหญิง เช่น Wout van Aert, Jonas Vingegaard, Marianne Vos เลือกใช้ Cervélo รุ่น “Caledonia-5” ด้วยเหตุผล คือ …

 

Cervélo Caledonia นั้นเกิดมาเพื่อเส้นทาง Cobblestone ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยสร้างให้กับนักแข่งทีม Sunweb ด้วยโจทย์คือ “เป็นเสือหมอบที่ลดความเหนื่อยล้าให้กับนักแข่ง เมื่อต้องปั่นอยู่บนเส้นทางพื้นผิวขรุขระ ในระยะทางไกลๆ”

 

ถ้าเรานำ Caledonia ซึ่งเป็นเสือหมอบประเภท Endurance ไปเทียบกับเสือหมอบตัวแข่งแอโร เรซซิ่ง Caledonia จะให้ความสบายตัวกว่ามาก ด้วยท่านั่งที่ไม่ก้มหมอบมาก เมื่อบวกกับการใส่ยางหน้ากว้าง 700x34c จึงทำให้ Caledonia ปั่นนิ่ง ควบคุมง่าย ปั่นสบาย แม้ปั่นบนทางขรุขระ รวมๆ คือ “ปั่นดี” ซึ่ง Ride Quality ก็คือหนึ่งใน 5 เสาหลักของการออกแบบ Cervélo ทุกรุ่นที่ต้องมี นั่นคือ Weight, Ride Quality, Stiffness, Aerodynamics และ Usability โดยขึ้นอยู่กับว่ารุ่นใดจะเน้นด้านใดมากเป็นพิเศษนั่นเอง

ด้วยความที่ Cervélo Caledonia สามารถใส่ยางหน้ากว้างได้ ตัวมันเองจึงไม่ได้ถูกจำกัดแค่ปั่นถนนทางดำ ทางเรียบได้ดี แต่ยังเป็นเสือหมอบที่ใช้ปั่นในสไตล์ Big Stupid Ride ได้ดีมาก (ปั่นไปได้ทุกที่ ทุกสถานะการณ์) จะลุยทาง Gravel ก็ไม่กลัว จะนำไปใช้เป็น Bike Commuting ปั่นไปทำงานก็ได้ ไม่ต้องกลัวเสื้อเลอะ เพราะมีรูยึดบังโคลนที่ซ่อนอย่างแนบเนียน วันหยุดสุดสัปดาห์จะใช้ปั่นออกทริป Bikepacking เบาๆ 2-3 วันก็ได้ หรือ คุณจะใช้มันปั่นบนเส้นทางลุยๆ ก็ได้ เพราะ Caledonia ก็คือ Cervélo ที่โดดเด่นเรื่องแอโรไดนามิคส์ มีความเร็ว เป็น DNA อยู่แล้ว คุณจะเห็นความเป็นแอโรในทุกๆ ชิ้นส่วนของเฟรม

 

blog-s