16 / 07 / 2024
3T Italia – State of Art ของจักรยาน

3T Italia จาก Passion สู่ Innovation

ประเทศอิตาลี ทุกคนคงรู้กันดีว่านี่คือ ดินแดนแห่งอารยธรรม มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันเป็นศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ มีศิลปินมากมายหลายสาขา คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพวาด “โมนาลิซ่า” หนึ่งในภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก โดย “เลโอนาร์โด ดา วินชี” หรือ รูปแกะสลักหินอ่อนของเดวิด โดยศิลปิน “มีเกลันเจโล” ศิลปินเอก ประติมากร และจิตรกร

แม้วันเวลาจะผ่านมาจนเข้าศตวรรษที่ 19 ยุคแห่งอุตสาหกรรม อิตาลีก็ยังคงความโดดเด่นผสมผสานการผลิตกับศิลปะไว้ได้อย่างลงตัว เช่น เฟอร์รารี่และลัมโบกินี รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลกด้วยรูปทรงโฉบเฉี่ยวและขุมพลังของเครื่องยนต์ ตามมาด้วย Vespa, Lambretta, Ducati มอเตอร์ไซค์ที่สายสองล้อทุกคนถวิลหา

และถ้าเรามาพินิจพิเคราะห์กันให้ดี สิ่งใดที่เป็น Product of Italy โดยเฉพาะที่ตีตราว่า Made in Italy ล้วนมีความพิเศษอยู่ในตัว เช่นเดียวกับ กาแฟเอสเพรซโซ่ ก็มีทั้งความกลมกล่อม ความละมุน แต่ก็แฝงไปด้วยความหนักแน่น หรือแม้แต่ พิซซ่า ที่จากเมืองนาโบลี หน้าตาไม่ได้ดูหวือหวาแฟนซี แต่รสชาติกลับลึกล้ำ

พอมาเป็นจักรยาน คนทั่วไปอาจคิดว่า เฟรมรูปทรงสามเหลี่ยม ใช้เทคโนโลยียุคเดียวกัน จะผลิตที่ไหนก็คงเหมือนๆ กัน แต่สำหรับจักรยาน 3T ที่เป็นรุ่นพิเศษ 3T Italia / Made in Italy นี่คือความแตกต่าง เพราะมาจาก Passion ลงมาสู่ Innovation พิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอน

ตั้งแต่การออกแบบโดยวิศวกรขั้นเทพอย่าง “Gerard Vroomen” ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศพลศาสตร์ ตัวเฟรมขึ้นรูปด้วยวิธี (Filament winding) ซึ่งใช้การถักทอคาร์บอนไฟเบอร์ทีละเส้นจนได้เป็นเฟรม พูดได้ว่าในโลกนี้มีผู้ผลิตจักรยานใช้วิธีนี้ในการผลิตเฟรมไม่เกิน 10% ของการผลิตเฟรมคาร์บอนในปัจจุบัน ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้วิธี Lay-up Carbon/Epoxy แต่ด้วยวิธีการถักทอเส้นใย (Filament winding) นอกจากทำให้มีความแม่นยำในการผลิต ไม่มีการสูญเสียความแข็งแรงใดๆ ในทางกลับกันนี่การเพิ่มความแกร่ง ความสติฟฟ์ด้วยซ้ำไป

กระบวนการผลิตเฟรม 3T Italia

ในความพิเศษนี้ ไม่ใช่ว่าผู้ผลิตที่ไหนก็ทำได้ เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศอิตาลี ที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปมีมาตรฐานสูง ความยั่งยืน และการรักษาสิ่งแวดล้อมจึงตามมา และเป็นสิ่งที่ต้องมี เช่น ต้องเป็นโรงงานที่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรปทั้งหมด ไม่มีการปล่อยสารพิษใดๆ ซึ่งลดกระบวนการที่เกิดจากการขัดเรซิ่นส่วนเกินที่ยาวนาน ทำให้ลดการปล่อยอนุภาคเข้าไปในอากาศ มีการลดการใช้วัสดุและพลังงาน

อันเนื่องมาจากการใช้เส้นใยไฟเบอร์ที่แห้ง (Dry fiber) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการ Resin Transfer Molding (RTM) ที่แตกต่างจากวิธีการผลิตแบบ Lay-up Carbon/Epoxy ที่ต้องเคลือบเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยเรซิ่นไว้ล่วงหน้า แล้วจึงนำไปตัดแปะขึ้นเป็นรูปทรงเฟรมจักรยาน ซึ่งวิธีนี้นำไปสู่การสิ้นเปลืองและเกิดมลพิษ เพราะต้องใช้การตกแต่งและการขัดส่วนเกินออกเป็นจำนวนมาก

ถึงแม้ว่าการสร้างเฟรมด้วยวิธี Filament winding จะไม่ใช่เป็นกระบวนการที่ง่าย แต่ก็ส่งผลให้เกิดความยั่งยืนในหมู่มวลมนุษยชาติ ซึ่งนี่คือความพิเศษของ Made in Italy ที่ใส่ใจในทุกๆ มิติ ทุกรายละเอียดจริงๆ

blog-s